เซรามิค เป็นภาชนะที่ทนความร้อนได้ดี ทำมาจากพวก ดินเหนียว หิน ทราย หรือแร่ต่างๆ ประกอบเป็นรูปร่างแล้วนำไปผ่านความร้อนโดยการเผา จากนั้นนำมาตกแต่งลวดลายๆ ต่างให้สวยงาม และนำมาเป็นภาชนะใช้สอยต่างๆ รวมไปถึง แก้วกาแฟเซรามิค ที่เราจะกล่าวถึงในวันนี้ด้วย
ปัจจุบัน แก้วกาแฟเซรามิค มีจำหน่ายอยู่มากมาย ให้แก่บุคลทั่วไปที่ซื้อหาไปเป็นของใช้ในบ้าน รวมถึงร้านกาแฟต่างๆ ที่เลือกซื้อไปเพื่อ เป็นแก้วกาแฟภายในร้านตนเอง ซึ่งราคาของแก้วกาแฟเซรามิคนั้นก็มีราคาที่แตกต่างกันออกไป
การกำหนดความแตกต่างของราคา แก้วกาแฟเซรามิคนั้น นอกเหนือจาก ขนาด หรือรูปทรง และลวดลายศิลปะ ที่สวยงาม จากงานฝีมือของผู้ผลิตแล้วนั้น ก็ยังประกอบด้วยเหตุผลอื่นๆ อีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น วัตถุที่ใช้เป็นส่วนประกอบ ขั้นตอนและกรรมวิธีการ ในการผลิต ซึ่งความแตกต่างตรงนี้เองที่นำมาเป็นตัวแบ่งคุณภาพของแก้วกาแฟเซรามิค หรือที่เราเรียกง่ายๆ ว่าการแบ่งเกรดสินค้า
การแบ่งเกรดของ แก้วกาแฟเซรามิค นี้เอง ที่ผู้เลือกซื้อควรรู้ไว้ เพื่อจะได้นำมาเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจ เลือกซื้อเพื่อการนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ที่ประกอบกิจการร้านกาแฟ จะได้รู้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์
การแบ่งเกรด แก้วกาแฟเซรามิค (หรือภาชนะเซรามิคอื่นๆ) แบ่งออกได้ หลักๆ ดังนี้
1.ผลิตภัณฑ์ ประเภทเอิร์ธเทินแวร์ (Earthenware)
มีลักษณะเนื้อแน่นแต่มีน้ำหนักเบา แวววาว ทึบแสง เพราะหลักๆ จะทำมาจากดินเหนียวและดินขาว และหินบดย่อย จะทำการนำไปผ่านความร้อน 2ครั้งด้วยกัน คือ
เผาดิบ อุณหภูมิ 700-800 องศาเซลเซียส
เผาเคลือบ อุณหภูมิ 1,100 – 1,250 องศาเซลเซียส
2.ผลิตภัณฑ์ ประเภทสโตนแวร์ (Stonewatre)
มีความแข็งแกร่ง ทึบแสง เนื้อแน่น จะผ่านกรรมวิธีขั้นตอนการเผาไฟเพียงครั้งเดียวเรียกว่าการเผาเคลือบ ซึ่งใช้อุณหภูมิ ที่1,200 – 1,280 องศาเซลเซียส
3.ผลิตภัณฑ์ ประเภทพอร์ซเลน (Porcelain)
เป็นเกรดที่ดีที่สุด เพราะเนื้อแน่น และมีความหนา เคลือบเป็นมัน เนื้อโปร่งแสง แต่น้ำหนักเบา ใช้อุณหภูมิในการเผาอยู่ที่ประมาณ 1,260 – 1,400 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้การเผาค่อนข้างดีและสมบูรณ์ เพราะขั้นตอนการเผาด้วยอุณภูมินี้ จะทำให้เนื้อดินแน่น ไม่พรุน ไม่ดูดซึมน้ำ จึงทนทาน ไม่แตกหักและไม่เสียหายง่าย
จะพบเห็นว่า แก้วกาแฟเซรามิคบางชนิดนั้น ราคาถูกมากกว่าปกติ ซึ่ง นั่นแสดงว่าอาจเป็นแก้วที่ผ่านความร้อนด้วยอุณหภูมิต่ำกว่า 700 องศาเซลเซียส เพื่อเป็นการลดขั้นตอนและลดต้นทุนในการใช้พลังงาน จึงมีราคาถูก แต่การผ่านความร้อนที่มีอุณภูมิน้อยเกินไปนัน้ จะทำให้เนื้อของแก้วเซรามิค มีความพรุน อมน้ำสูง น้ำซึมผ่านง่าย จึงทำให้เนื้อแก้ว เปราะ แตกหัก กระเทาะและบิ่น ได้ง่าย ไม่ทนทานเลย
ต่างจากการเลือก แก้วกาแฟเซรามิค จากสามประเภทที่กล่าวมา โดยเฉพาะแก้วกาแฟเซรามิค ประเภทพอร์ซเลน (Porcelain) ที่เนื้อแก้วนั้น มีความหนาแน่นสูง ไม่อมน้ำ เก็บความร้อนได้ดี จึงมีผลต่อการเก็บกลิ่นและรสชาติของกาแฟดีกว่า มีความทนทานใช้งานได้นาน เหมาะสมกับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ และเหมาะกับกิจการร้านกาแฟอย่างยิ่ง เพราะไม่ต้องเสียงกับการที่ต้องลงทุนซื้อแก้วกาแฟใหม่บ่อยๆ และทำให้กาแฟที่ร้านมีกลิ่นและรสชาติที่ดี ถูกใจลูกค้าอีกด้วย
>>> ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เนต
หน้าที่เข้าชม | 315,847 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 208,186 ครั้ง |
เปิดร้าน | 27 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |