ก่อนที่จะนำผลิตภัณฑ์เซรามิคไปเคลือบควรทำความสะอาดผลิตภัณฑ์เสียก่อน เพราะตัวผลิตภัณฑ์ถ้าทิ้งไว้นานฝุ่นละอองก็จะเกาะจับพื้นผิวผลิตภัณฑ์ ถ้านำผลิตภัณฑ์เซรามิคนี้ไปชุบน้ำเคลือบเลย จะเป็นเหตุให้เคลือบร่อนหลุดจากผิวผลิตภัณฑ์ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีตำหนิ การทำความสะอาดผลิตภัณฑ์ก็โดยวิธีการใช้ลมเป่าเพื่อให้ฝุ่นที่เกาะอยู่กระจายออกจากตัวผลิตภัณฑ์ หลังจากนั้นก็ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำหมาดๆ เช็ดพื้นผิวตัวผลิตภัณฑ์อีกครั้งหนึ่ง ต่อจากนี้ก็นำผลิตภัณฑ์ไปเคลือบในขั้นตอนการเคลือบผลิตภัณฑ์นี้ ผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาเคลือบจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ อยู่ในสภาพดินดิบและผ่านการเผาดิบแล้ว
ดังนั้นจะต้องการปรับน้ำเคลือบที่จะนำไปใช้เคลือบผลิตภัณฑ์เซรามิค โดยน้ำเคลือบที่จะไปใช้เคลือบผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในสภาพดินดิบ ความถ่วงจำเพาะของน้ำเคลือบ คือ ประมาณ 1.4 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการเผาดิบแล้ว ใช้น้ำเคลือบที่มีความถ่วงจำเพาะ คือ ประมาณ 1.7-1.9
ข้อควรระวังการหยิบจับผลิตภัณฑ์ทีอยู่ในสภาพดินดิบนั้นจะต้องมีความระมัดระวัง เพราะจะเกิดการแตกหักได้ง่าย และน้ำเคลือบที่ใช้จะต้องมีความเข้มข้น เพื่อมิให้เนื้อดินดูดน้ำมาก ซึ่งจะทำให้ตัวผลิตภัณฑ์เปื่อยยุ่ยระหว่างชุบเคลือบ
สำหรับกรรมวิธีการเคลือบผลิตภัณฑ์เซรามิคนั้นมีหลายลักษณะขึ้นอยู่กับรูปแบบและขนาดของผลิตภัณฑ์ รวมถึงชนิดของผลิตภัณฑ์ ความชำนาญของผู้เคลือบและผลที่ผู้เคลือบต้องการ โดยมีวิธีการเคลือบแบบต่างๆ คือ
1. การชุบหรือจุ่ม การเคลือบวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ทำได้รวดเร็ว ผิวเรียบสม่ำเสมอกัน การหยิบจับผลิตภัณฑ์ชุบเคลือบจะต้องอยู่ในลักษณะที่สะดวก เช่น การชุบเคลือบแก้วกาแฟจะต้องใช้นิ้วหัวแม่มือกดตรงริมขอบปากแก้ว และใช้นิ้วกลางในมือเดียวกันกดตรงขอบฐานหรือขอบก้นแก้วกาแฟ แล้วจุ่มลงไปในถังน้ำเคลือบให้มิดแล้วรีบดึงขึ้น โดยให้ขอบปากแก้วกาแฟคว่ำลง ให้น้ำเคลือบที่ติดค้างอยู่ไหลออกให้หมด แล้วนำไปวางในที่จัดไว้หลังจากนั้นใช้นิ้วกลางจุ่มน้ำเคลือบไปแตะตรงบริเวณริมขอบปากแก้วกาแฟตรงที่นิ้วจับตอนชุบให้ทั่ว ขณะเดียวกันระยะเวลาชุบจะต้องไม่แช่นานเกินไป เพราะจะทำให้เคลือบเกาะหนา พอเคลือบแห้งจะร่อนหลุดได้
2. การเทราด การเคลือบผลิตภัณฑ์แบบนี้เป็นการใช้น้ำเคลือบเทราดลงบนผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น โอ่ง อ่าง ซึ่งไม่สามารถจุ่มลงถังน้ำเคลือบได้ หรือมีน้ำเคลือบที่จะใช้ปริมาณน้อย โดยนำผลิตภัณฑ์ เช่น อ่าง คว่ำปากลงบนไม่ระแนงที่พาดอยู่บนขอบอ่างที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวผลิตภัณฑ์ เพราะจะเป็นที่รองรับน้ำเคลือบจากการเทราดน้ำเคลือบ วิธีการเทราดจะต้องหาภาชนะที่จะใส่น้ำเคลือบ ได้แก่ ขันน้ำพลาสติกแบบที่มีแขนจับการเทราด น้ำเคลือบจะต้องค่อยๆ เทไปให้รอบฐานอ่าง พยายามอย่าให้น้ำเคลือบขาดตอน เพราะจะทำให้เห็นร่องรอยของน้ำเคลือบที่ทับซ้อนกัน ทำให้น้ำเคลือบหนาไม่เท่ากัน ส่วนมากการเทราดน้ำเคลือบนิยมใช้ในการเคลือบผลิตภัณฑ์ที่ต้องการให้มีหลายสี
3. การทา เป็นการใช้พู่กันหรือแปรงทาสีจุ่มน้ำเคลือบทาทับลงบนผลิตภัณฑ์ที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก เพื่อให้ได้รูปแบบและสีที่ต้องการ แต่ถ้าการทาเคลือบลงบนผลิตภัณฑ์ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ พื้นผิวของเคลือบที่ได้จะไม่เรียบ เพราะพู่กันแปรงและน้ำเคลือบจะทำให้เกิดร่องรอยของการทับซ้อนของเคลือบและรอยพู่กัน รอยแปรงที่ทา ซึ่งการทาเคลือบนิยมไปใช้เพื่อการตกแต่งเท่านั้น
4. การพ่นด้วยเครื่องพ่น เป็นวิธีการเคลือบที่ใช้แรงดันของลม เป็นตัวขับน้ำเคลือบให้ฟุ้งกระจายออกมา วิธีนี้เหมาะสำหรับใช้เคลือบผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่เวลาพ่น ควรพ่นในตู้พ่น เพื่อมิให้ฝุ่นเคลือบฟุ้งกระจาย และเป็นการเคลือบผลิตภัณฑ์ที่มีความสม่ำเสมอกันของน้ำเคลือบ น้ำเคลือบที่ตกค้างอยู่ในตู้พ่นสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเผาครั้งเดียว วิธีการพ่นเคลือบอาจใช้พ่นได้เฉพาะภายนอกผลิตภัณฑ์ และไม่ควรพ่นใกล้ผลิตภัณฑ์ให้มากเกินไป เพราะน้ำเคลือบจะกระจุกกันอยู่ที่เดียว ทำให้เคลือบเป็นคลื่น ส่วนภายในของผลิตภัณฑ์ควรชุบเคลือบเสียก่อนที่จะพ่นเคลือบ
โดย...ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมศักดิ์ ชวาลาวัณย์
>> ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เนต
หน้าที่เข้าชม | 315,847 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 208,186 ครั้ง |
เปิดร้าน | 27 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |