น้ำเคลือบที่ใช้เคลือบผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาหรือเซรามิคมีหลายประเภทด้วยกัน แล้วแต่จะยึดถือเกณฑ์อะไรเป็นหลัก และมีการพิจารณารายละเอียดแต่ละประเภทมากน้อยเพียงใด โดยในที่นี่ขอแบ่งประเภทของเคลือบเซรามิคไว้พอสังเขป ดังนี้
1. เคลือบตามลักษณะที่มองเห็น
1.1 เคลือบใส คือ ชนิดของเคลือบที่เผาถึงจุดสุกตัวจะเกิดความมันแวววาวและยัง
มองเห็นสีของเนื้อผลิตภัณฑ์ได้ ส่วนมากจะนำไปเคลือบผลิตภัณฑ์เซรามิคที่ได้เขียนสีใต้เคลือบ หรือใช้เคลือบทับผลิตภัณฑ์ที่ตกแต่งด้วยวิธีเอนโกบ เมื่อเผาเคลือบแล้วจะเห็นสีและลวดลายที่ตกแต่งออกมาอย่างชัดเจน
1.2 เคลือบทึบ คือ เคลือบที่เผาถึงจุดสุกตัวแล้วไม่สามารถมองเห็นสีของเนื้อผลิตภัณฑ์
ได้สูตรส่วนผสมของเคลือบชนิดนี้จะมีสารพวกดีบุกออกไซด์ หรือเซอร์โคเนียมออกไซด์ผสมอยู่ด้วย ซึ่งเหมาะกับการปิดบังสีอของเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องการด้วย
1.3 เคลือบด้าน คือ เคลือบที่เผาจนถึงจุดสุกตัวแล้วไม่มีความมันแวววาวสะท้อนแสง
บนผิวเคลือบได้น้อยมาก เกิดจากการเพิ่มสารบางตัวลงไปในสูตรส่วนผสมของเคลือบ ได้แก่ อะลูมินา เซอร์โคเนียมออกไซด์ แบเรียมคาร์บอเนต และลดปริมาณของสารที่มีสมบัติเป็นฟลักลงโดยเคลือบด้าน มีผู้นิยมเรียกชื่อตามวัตถุดิบที่ผสมลงไป เช่น อะลูมินา แมต และแบเรียม แมต เป็นต้น
1.4 เคลือบราน คือ เคลือบที่เกิดจากการหดตัวของน้ำเคลือบมากกว่าเนื้อดินปั้น จึงทำ
ให้เคลือบเกิดการรานขึ้น การรานมีลักษณะเป็นร่างแหแบบละเอียดหรือแบบหยาบ เคลือบรานนี้สามารถทำได้ทั้งเคลือบทึบ และเคลือบใส โดยชาวจีนเป็นคนคิดทำขึ้น เพื่อนำมาใช้ตกแต่งผลิตภัณฑ์เซรามิคให้มีความสวยงามขึ้น
1.5 เคลือบผลึก คือ เคลือบที่มีผลึกเกิดอยู่ภายใต้ผิวของเคลือบ อาจเป็นผลึกรูปพัด รูป
เข็ม หรือเป็นดอกดวงเล็กหรือใหญ่ การเกิดผลึกของเคลือบนี้ทำได้โดยการเติม Lithium Carbonate หรือ Zinc Oxide ลงไปในสูตรส่วนผสมของเคลือบผสมผสานกับเทคนิคของการแช่อุณหภูมิในขณะเผา ทำให้ Zinc Oxide ตกผลึกรวมตัวกับ Silica กลายเป็นผลึกของ Zine Silicate
1.6 เคลือบมุก คือ พื้นผิวเคลือบที่มีเหลือบประกายที่มีความมันแวววาวมาก คล้ายกับ
ด้านในของกาบหอยมุก ซึ่งเคลือบชนิดนี้มีส่วนผสมของตะกั่วอยู่ในสูตรส่วนผสม จึงไม่เหมาะกับการนำเคลือบชนิดนี้ไปเคลือบในผลิตภัณฑ์เซรามิคที่ใช้เป็นภาชนะใส่อาหาร
2. เคลือบตามวัตถุดิบที่ใช้
2.1 เคลือบตะกั่ว คือ เคลือบที่มีสูตรส่วนผสมที่ใช้ตะกั่วเป็นหลัก โดยที่ตะกั่วจะทำให้
เคลือบไหลตัวได้ดี มีความมันแวววาว ถ้าเป็นเคลือบที่มีสีจะมีสีที่สดใส ซึ่งเคลือบตะกั่วนี้จะเป็นเคลือบไฟต่ำ นิยมนำไปเคลือบผลิตภัณฑ์ เช่น กระเบื้องมุงหลังคาและอิฐโชว์ต่างๆ ที่มีราคาไม่แพง แต่เนื่องจากสารตะกั่วนี้มีพิษต่อมนุษย์และสัตว์จึงควรใช้ในรูปของฟริตแทน
2.2 เคลือบหินฟันม้า คือ เคลือบที่มีสูตรส่วนผสมที่ใช้หินฟันม้าเป็นหลัก ซึ่งหินฟันม้านี้
เป็นตัวช่วยลดจุดหลอมละลายในเคลือบ ช่วยให้เกิดความมันแวววาว มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ทนต่อการขีดข่วน สามารถทนต่อการกัดกร่อนของกรดและด่างได้ โดยเฉพาะในการเผาไฟสูงตั้งแต่ 1,250-1,350 องศาเซลเซียส
2.3 เคลือบขี้เถ้า คือ เคลือบที่ใช้ขี้เถ้าพืชต่างๆ เช่น ขี้เถ้าแกลบ ขี้เถ้าฟางข้าว ขี้เถ้าไม้
สน ฯลฯ หรือได้จากขี้เถ้ามูลสัตว์ เช่น ขี้เถ้ามูลหมู ขี้เถ้ามูลไก่ ขี้เถ้ามูลเป็ด เป็นส่วนประกอบหลักในสูตรส่วนผสมของเคลือบขี้เถ้าต่างๆ เหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นตัวทำให้เคลือบเกิดการหลอมละลายเกิดความมันแวววาวในเคลือบ และในขณะเดียวกัน สารประกอบบางตัวที่ได้จากขี้เถ้าก็ช่วยให้เกิดสีด้วย ได้แก่ เหล็กออกไซด์ โดยผลวิเคราะห์ทางเคมีของขี้เถ้าพืชและไม้จะประกอบไปด้วยสารประกอบต่างๆ ที่ใช้ในการทำเคลือบ
2.4 เคลือบเกลือ คือ เคลือบที่ใช้เกลือแกง หรือเกลือที่ใช้ปรุงอาหาร ที่เป็นตัวทำให้เกิดค
วามันแวววาว เนื้อดินปั้นที่ใช้ทำผลิตภัณฑ์เคลือบเกลือจะต้องเป็นเนื้อดินที่มีความทนไฟสูงและมีส่วนผสมของซิลิกาสูง
2.5 เคลือบน้ำดิน เป็นเคลือบที่ในสมัยโบราณค้นพบจากแหล่งที่เกิดขึ้นเองจาก
ธรรมชาติ เกิดอยู่ในรูปที่มีลักษณะเป็นน้ำดินที่มีส่วนผสมของตัวช่วยหลอมละลายอย่างเพียงพอที่จะเป็นเคลือบได้ โดยเคลือบน้ำดินนี้จะมีจุดหลอมตัวที่อุณหภูมิสูง คือ ประมาณ 1,225-1,285 องศาเซลเซียส
แต่ในปัจจุบันเคลือบน้ำดินได้มีการนำมาประยุกต์ใช้ด้วยวิธีการเติมสารเคมีต่างๆ ลงไปในเคลือบน้ำดินนี้เพื่อปรับปรุงสีหรืออุณหภูมิให้ได้ตามความต้องการ
3. เคลือบตามอุณหภูมิที่เผา
3.1 เคลือบไฟสูง คือ เคลือบที่ต้องใช้อุณหภูมิในการเผาสูง คือ ประมาณ 1,280 องศา
เซลเซียสขึ้นไป หรือ Cone 9 ขึ้นไป
3.2 เคลือบไฟกลาง คือ เคลือบที่ต้องใช้อุณหภูมิในการเผาให้ถึงจะหลอมตัวที่อุณหภูมิ
ระหว่าง 1,150-1,280 องศาเซลเซียส
3.3 เคลือบไฟต่ำ คือ เคลือบที่ต้องใช้อุณหภูมิในการเผาให้ถึงจุดหลอมตัวที่อุณหภูมิต่ำ
กว่า 1,150 องศาเซลเซียส
4. แบ่งตามรูปแบบของสารในเคลือบ
4.1 เคลือบดิบ คือ เคลือบที่ผสมจากวัตถุดิบจำพวกอินทรียสารที่เกิดและมีอยู่ใน
ธรรมชาติ เช่น สารต่างๆ ได้แก่ หินฟันม้า หินเขี้ยวหนุมาน หินปูน ดินขาว เป็นต้น โดยนำวัตถุดิบเหล่านี้นำมาผสมทำน้ำเคลือบ
4.2 เคลือบฟริต คือ เคลือบที่มีส่วนผสมของสารตัวที่ทำหน้าที่ช่วยในการหลอมละลาย
ของเคลือบ เช่น ตะกั่วบอแร็กซ์ และโซดา แอช ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารพิษที่มีสมบัติสามารถละลายน้ำได้ ดังนั้นการทำเคลือบชนิดนี้จะต้องนำสารเหล่านี้ไปหลอมให้อยู่ในรูปของแก้วซึ่งเรียกว่า การหลอมฟริตแล้วจึงนำฟริตนี้มาใช้ผสมลงไปในสูตรส่วนผสมของเคลือบ
โดย...ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมศักดิ์ ชวาลาวัณย์
>> ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เนต
หน้าที่เข้าชม | 315,847 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 208,186 ครั้ง |
เปิดร้าน | 27 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |