“ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” เป็นคำที่มีความหมายในตัว สามารถรับรู้และเข้าใจได้ง่าย ใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย เนื้อดิน และเคลือบ ก็เช่นเดียวกัน เนื้อดินเปรียบเสมือนเรือนร่างของคน ที่ต้องการเสื้อผ้าอาภรณ์มาสวมใส่ตกแต่ง เพื่อให้เกิดความสวยงาม ดังนั้นเคลือบจึงเปรียบเสมือนเสื้อผ้า อาภรณ์ ที่นำมาห่อหุ้มเนื้อดินหรือเรือนร่างเพื่อให้เกิดความสวยงามและปกป้องร่างกาย ดังนั้นการเลือกเสื้อผ้าอาภรณ์ที่จะนำมาใช้สวมแต่งบนเรือนร่างนั้นก็ต้องเลือกให้เหมาะกับบุคลิกลักษณะของผู้สวมใส่จึงจะดูสวยงาม เคลือบก็เช่นเดียวกันจำเป็นต้องมีการเลือกให้เหมาะกับบุคลิก ลักษณะของเนื้อดิน และรูปร่าง รูปทรงของชิ้นงาน เพื่อให้เกิดการประสานสัมพันธ์กันอย่างลงตัวจึงจะดูสวยงาม
เคลือบ (Glazes) เป็นชั้นบางๆ ของแก้วซึ่งหลอมละลายฉาบติดแน่นอยู่บนผิวของภาชนะเครื่องปั้นดินเผา หรือเซรามิค มนุษย์รู้จักการทำเคลือบมาตั้งแต่ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยใช้สารละลายของโซเดียวผสมกับดิน และเมื่อนำดินนั้นมาปั้นแล้วปล่อยให้แห้งสารละลายโซเดียมจะออกมาจับอยู่ที่ผิวของชิ้นงาน เมื่อนำชิ้นงานนั้นไปเผาให้หลอมละลาย โซเดียมจะทำปฏิกิริยากับดินเกิดเป็นแก้วที่มีความมันวาวฉาบติดแน่นบนผิวของดินเผา ซึ่งนิยมใช้ทำเครื่องประดับ เช่น ลูกปัดเซรามิค จากนั้นก็ได้มีการพัฒนาการทำเคลือบมาโดยตลอด แต่การทำเคลือบในยุคสมัยก่อนจะถือเป็นความลับสุดยอด และจะถ่ายทอดกันเฉพาะผู้ที่รับช่วงทำต่อ หรือเฉพาะทายาทผู้สืบต่อเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1839-1894 ได้มีนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ชื่อ นายเชเกอร์ ได้คิดค้นกฎการเขียนสูตรเคลือบตามหลักวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยเขียนเป็นสูตรทางเคมีที่เรียกว่า Seqer Formula ที่ต้องคำนวณตามกฎเกณฑ์ทางเคมี ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และซับซ้อนสำหรับช่างปั้นบางกลุ่มที่มีความรู้พื้นฐานทางเคมีน้อย จึงไม่เป็นที่นิยม ดังนั้นจึงมีการคิดสูตรเคลือบโดยไม่ต้องใช้วิธีคำนวณ เช่น สูตรเคลือบสโตนแวร์ ที่เผาในอุณหภูมิ 1,250-1,280 องศาเซลเซียส จะใช้สูตรส่วนผสม คือ 4:3:2:1 คือ เฟลด์สปาร์ 4 ส่วน ซิลิกา 3 ส่วน หินปูน 2 ส่วน และดิน 1 ส่วน เป็นต้น
การที่ผู้เขียนกล่าวว่า “เคลือบกับความลับที่ไม่น่าจะเป็นความลับในการทำ” นั้นหมายความว่าในยุคสมัยก่อนความรู้เกี่ยวกับการทำเคลือบยังมิได้มีการแพร่หลายอย่างเช่นปัจจุบัน จะถ่ายทอดกันเฉพาะผู้รับช่วงทำต่อหรือทายาทเท่านั้น จึงถือเป็นความลับในการทำเคลือบ แต่ปัจจุบันวิทยาการความรู้ในการทำเคลือบได้แพร่หลายอย่างกว้างขวาง ตลอดจนมีการเรียนการสอนกันในสถาบันการศึกษา และมีการศึกษาค้นคว้าผนวกกับการทดลองปฏิบัติจริงที่ช่วยให้นักศึกษาสามารถคิดค้นหาสูตรส่วนผสมของเคลือบได้ด้วยตนเอง และสามารถพัฒนาเคลือบให้มีลักษณะตามที่ต้องการได้ องค์ประกอบของเคลือบประกอบไปด้วย วัตถุดิบหลัก 3 กลุ่มด้วยกัน คือ
1. กลุ่มที่เป็นตัวทำให้เกิดแก้ว หรือกลุ่มที่มีคุณสมบัติเป็นกรด ซึ่งโดยปกติจะใช้ซิลิกาเป็นหลัก มีจุดหลอมละลายสูงที่อุณหภูมิสูงประมาณ 1,710 องศาเซลเซียส ซึ่งนอกจากเราจะใช้ซิลิกาบางส่วนที่ผสมอยู่ในวัตถุดิบอื่น เช่น ดิน (Al2 O3 .2SiO2) และหินฟันม้า (Na2O .Al2O3.6SiO2) เป็นต้น วัตถุดิบในกลุ่มนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวทำให้เกิดแก้วในเคลือบ
2. กลุ่มที่เป็นตัวช่วยในการหลอมละลาย เป็นตัวที่ช่วยให้ซิลิกาหลอมละลายในอุณหภูมิที่ต่ำลงได้ วัตถุดิบในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็นด่าง ซึ่งได้แก่ ตะกั่ว บอแรกซ์ แคลเซียม แบเรียม ลิเทียม และสังกะสี เป็นต้น ซึ่งต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับระดับอุณหภูมิที่ต้องการจะเผา เพราะออกไซด์บางตัว เช่น ตะกั่วและบอแรกซ์ จะใช้ได้ดีเฉพาะในเคลือบที่เผาอุณหภูมิต่ำ นอกจากนี้ออกไซด์ตัวอื่นๆ อาจใช้ได้ดีเฉพาะในเคลือบอุณหภูมิสูงเท่านั้น ดังนั้นหากผู้อ่านสนใจจะทำการทดลองควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญในการตัดสินใจเลือกใช้วัตถุดิบให้ได้ผลตามต้องการ
3. กลุ่มที่เป็นตัวช่วยให้เกิดความหนืดในเคลือบ วัตถุดิบในกลุ่มนี้ มีสมบัติเป็นกลางช่วยให้เคลือบไม่ไหลตัวมากเกินไป และเป็นตัวช่วยกำหนดอุณหภูมิในการหลอมละลายหรืออุณหภูมิในการเผา และทำหน้าที่เปรียบเสมือนกาวที่ช่วยให้เคลือบมีความหนืด และยึดติดแน่นบนผิวของเนื้อดิน วัตถุดิบ ที่สำคัญในกลุ่มนี้ ได้แก่ อลูมินา และดิน
วัตถุดิบที่ใช้ในการทำเคลือบทั้งสามกลุ่มดังกล่าว จะต้องมีสัดส่วนที่สัมพันธ์กันในแต่ละระดับอุณหภูมิ และเมื่อสัดส่วนเหล่านี้เปลี่ยนไปก็จะได้เคลือบที่มีลักษณะแปลกแตกต่างกันไปด้วย ดังนั้นการที่จะได้มาซึ่งสัดส่วนของเคลือบที่เหมาะสมในแต่ละระดับอุณหภูมินั้นย่อมขึ้นอยู่กับการกำหนดหรือการเลือกใช้วัตถุดิบที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน เนื่องจากวัตถุดิบบางตัวให้ผลดีในเคลือบอุณหภูมิต่ำ บางตัวให้ผลดีในเคลือบอุณหภูมิสูง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องปริมาณมากกลับทำให้เคลือบมีผิวด้าน เป็นต้น ซึ่งรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้ผู้ที่สนใจจะทำการทดลองคงต้องศึกษาในรายละเอียดของวัตถุดิบแต่ละกลุ่ม แต่ละตัวเพิ่ม เพื่อให้สามารถเลือกใช้วัตถุดิบได้ตรงกับลักษณะเคลือบที่ต้องการ
โดย...ศุภกา ปาลเปรม
>> ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เนต
หน้าที่เข้าชม | 315,847 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 208,186 ครั้ง |
เปิดร้าน | 27 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |