การเผาเคลือบเซรามิค โดยการชุบเคลือบด้วยวิธีการที่ทันสมัย
1. การเคลือบดั้งเดิมด้วยระบบอัตโนมัติ
ความยากในการทำที่จะชุบเคลือบบนเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่พรุนตัวให้ได้ความ
สม่ำเสมอ วิธีจุ่มได้นำไปสู่การพัฒนาการชุบเคลือบด้วยวิธีการพ่นเคลือบ ถ้าหากทำด้วยมือ การพ่นเคลือบต้องการความชำนาญและประสบการณ์เช่นเดียวกับการจุ่มเคลือบ นอกจากนี้การพ่นเคลือบด้วยมือช้าเกินไปสำหรับกระบวนการผลิตสมัยใหม่ แต่มันสามารถทำได้ด้วยระบบเชิงกลอย่างง่ายซึ่งเข้ามาแทนที่การจุ่มเคลือบอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะพวกที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แบน ผลิตภัณฑ์จะถูกฉาบไว้ด้วยน้ำเคลือบจากหัวพ่นเคลือบ เมื่อการจุ่มเคลือบจะให้ชั้นของเคลือบแน่น ส่วนการพ่นเคลือบจะให้ช่องว่างมากกว่ามีการเคลือบที่พรุนตัวบนผลิตภัณฑ์มากกว่านี่เป็นเหตุให้เกิดคลื่น สำหรับเคลือบที่หลอมได้ดีสำหรับผลิตภัณฑ์เซรามิคแบบโบนไชนา ผลิตภัณฑ์เซรามิคแบบโฮเต็ลแวร์และผลิตภัณฑ์เซรามิกแบบเอิร์ทเทนแวร์ คลื่นจะถูกทำให้เรียบได้ในระหว่างการเผาเคลือบ อย่างไรก็ตามสำหรับเคลือบฮาร์ดปอร์ซเลนที่มีความหนืดมากส่วนที่เป็นคลื่นก็ยังคงเห็นได้อยู่หลังจากเผาแล้ว เนื้อฮาร์ดปอร์ชเลนที่มีความพรุนตัวสูง (มากกว่า 30%) ซึ่งเกิดจากการเผาบิสกิตที่อุณหภูมิต่ำ (900-1,000 องศาเซลเซียส) เป็นสาเหตุที่เกี่ยวข้องไปถึงการเกิดเป็นคลื่น อันไม่พึงปรารถนาของผิวเคลือบ เพราะฉะนั้นเคลือบชนิดพิเศษจึงได้พัฒนามากขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์ฮาร์ดปอร์ซเลน มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ประสบผลสำเร็จ โดยทดลองผลิตผลิตภัณฑ์กลวงที่มีลักษณะคล้ายกัน เช่น ถ้วยซึ่งด้านในของภาชนะจะถูกปกคลุมไว้ด้วยน้ำเคลือบจากการเกิดการชุบเคลือบแบบน้ำพุและด้านนอกจากเกิดการชุบเคลือบแบบน้ำตกเครื่องจุ่มเคลือบถูกสร้างสำหรับเนื้อฮาร์ดปอร์ซเลนชนิดแบนประสบผลสำเร็จน้อย เพราะสาเหตุนี้ความเป็นไปได้ต่อการพ่นเคลือบไปบนจานฮาร์ดปอร์ซเลนถูกนำมาใช้อีกครั้งหนึ่งโดยการปรับปรุงหัวฉีดน้ำเคลือบและนำสารประกอบอินทรีย์ชนิดพิเศษเติมลงไปในน้ำเคลือบทำให้คุณสมบัติการไหลตัวของเคลือบดีขึ้นเมื่อนำไปใช้ ในบางครั้งสิ่งต่างๆ ที่พยายามปรับปรุงอาจจะไม่เพียงพอที่จะเอารอยคลื่นออกได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นส่วนผสมของเคลือบจะต้องได้รับการเปลี่ยนโดยให้เคลือบหลอมตัวได้ง่ายขึ้น เครื่องพ่นเคลือบสำหรับฮาร์ดปอร์ซเลนซึ่งมีระบบสายพานควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติประกอบด้วยการปัดด้วยแปรงอัตโนมัติ การประทับรอย (ติดเครื่องหมายการค้าของผู้ผลิต) การหาจุดสมดุล การเช็ดเคลือบ การเช็ดเคลือบจากบริเวณฐานของจาน ฯลฯ ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในงานอุตสาหกรรมและประสบความสำเร็จได้ดี สำหรับความต้องการสำหรับการพ่นเคลือบผลิตภัณฑ์เซรามิกแบบเอิร์ทเทนแวร์ด้วยเครื่องมือนั้น จะตรงกันข้ามกับที่ใช้สำหรับพวกฮาร์ดปอร์ซเลน เนื่องจากการชุบเคลือบปิดผิวในลักษณะที่เป็นผงละเอียดจากการพ่นเคลือบ ก็จะให้ผลจากการเผาแล้วดีเท่ากับหรือดีกว่าที่ใช้วิธีการชุบเคลือบด้วยมือ ค่าต่อหน่วยของการผลิตพบว่าต่ำกว่าวิธีการจุมเคลือบด้วยมือมาก
การควบคุมองค์ประกอบต่างๆ ดังต่อไปนี้ได้ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่มาตรฐานได้ตาม
ต้องการ
1. ความหนาแน่นของน้ำเคลือบ
2. การไหลของน้ำเคลือบ
3. อุณหภูมิที่ใช้ในการเริ่มเผา
4. ตำแหน่งของหัวพ่นเคลือบ
การสูญเสียเคลือบที่ใช้เป็นปัญหาหนัก สำหรับการพ่นเคลือบจะต้องใช้
ประสบการณ์และความชำนาญทางด้านนี้อย่างมากมาพัฒนาเครื่องมือในการเก็บเคลือบที่ผ่านออกไปเป็นส่วนเกินนั้นโดยวิธี “ลาปินรินท์” ทำการกรองและนำเคลือบในส่วนที่เป็นของแข็งนั้นหมุนเวียนกลับมาใช้อีก โดยน้ำมารวบรวมกลับมาทำเป็นน้ำเคลือบอีก การพ่นเคลือบในปัจจุบันเป็นที่พอใจแม้ว่าผลิตภัณฑ์ประเภทแบนๆ เช่น จานโดยที่สุกตัวแล้วหรือไม่มีการดูดน้ำก็ยังคงใช้ได้ดี โดยทั่วไปแล้วนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ชนิดกลวง เช่น แจกัน เป็นต้น อาจจะต้องใช้วิธีการที่ใช้กับฮาร์ดปอร์ซเลน เช่น ระบบน้ำพุและระบบน้ำตกได้ถูกนำมาปรับปรุงและสามารถนำมาใช้ได้อย่างประสบความสำเร็จ สามารถนำมาใช้ได้กับผลิตภัณฑ์เซรามิกเอิร์ทเทนแวร์และผลิตภัณฑ์เผาดิบชนิดไม่ดูดซึมน้ำแล้วได้ดี และก็เช่นเดียวกันสามารถนำเอามาใช้ได้ดีกับระบบเครื่องมืออัตโนมัติ การเคลือบโดยวิธี “ดิสก์ เซนตริฟิวจ์” ซึ่งบริษัทอเมริกันได้นำมาใช้กับพวกกระเบื้องปรากฏว่าได้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนได้อย่างพอใจ
2. การชุบเคลือบด้วยไฟฟ้าสถิตย์
วิธีการชุบเคลือบด้วยไฟฟ้าสถิต บริษัทฝรั่งเศสเป็นผู้นำเอาวิธีการนี้มาใช้
คุณลักษณะที่เด่นของวิธีการนี้คือ การใช้อากาศและด้วยความดันสูงพ่นอนุภาคเล็กๆ ของเคลือบให้เข้าไปในบริเวณซึ่งมีสนามแม่เหล็กไฟฟ้ากระแสตรง และแรงสูงพอที่จะทำให้อนุภาคเล็กๆ ที่ลอยอยู่นั้นได้รับประจุไฟฟ้าและก็เคลื่อนที่ไปเคลือบผลิตภัณฑ์ที่จะต้องการเคลือบ การชุบเคลือบด้วยวิธีไฟฟ้าสถิตย์เป็นการชุบเคลือบบนผลิตภัณฑ์เซรามิกเอิร์ทเทนแวร์ ผลิตภัณฑ์เซรามิคโฮเต็ลแวร์ที่เนื้อแน่น เซรามิคแบบโบนไชนาและผลิตภัณฑ์เซรามิคเนื้อสโตนแวร์ ทั้งนี้การปรับปรุงในส่วนผสมของเคลือบฮาร์ดปอร์ซเลนซึ่งปกติแล้วจะหลอมได้น้อยกว่า จะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เกิดผลที่ดีที่สุด ปริมาณการใช้เคลือบและจำนวนของเสียลดลงลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่เผาเคลือบแล้วจะมีลักษณะที่ดีกว่าการชุบเคลือบด้วยวิธีดั้งเดิม วิธีการนั้นสามารถนำเข้าสู่กระบวนการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติให้ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับกระบวนการชุบเคลือบดั้งเดิม ด้วยเหตุนี้ในกรณีที่ใช้ระบบอัตโนมัติแล้วความเร็วของสายพานสามารถปรับให้สูงขึ้นได้ถึง 20 เมตร/นาที และนั่นหมายถึงผลกำไรที่จะได้รับย่อยเพิ่มขึ้นด้วย
โดย...ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเซรามิค
>> ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เนต
หน้าที่เข้าชม | 315,847 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 208,186 ครั้ง |
เปิดร้าน | 27 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |