ลักษณะผิว (Texture) โดยความหมาย จะหมายถึง ลักษณะพื้นผิวของสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติหรือพื้นผิวต่างๆ ที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น สามารถให้ความรู้สึกสัมผัสได้ หรือเมื่อเห็นแล้วรู้สึกหรือจำได้ว่าลักษณะผิวอย่างนี้เป็นอย่างไร นุ่ม เรียบ ละเอียด ผิวมัน ผิวด้าน ผิวขรุขระสัมผัสแล้วสากมือ (เปลือกไม้) ดำ ขาว เหี่ยวย่น มีรอยตีนกา (ผิวคน) แวววาว สะท้อนแสง (เคลือบหรือกระจก)
ลักษณะผิวแบ่งเป็น 2 ลักษณะที่เห็นได้ชัดเจน คือ
1. - ลักษณะผิวที่มองเห็นได้ด้วยตา
2. - ลักษณะผิวที่สัมผัสได้
ลักษณะผิดแยกย่อยออกเป็น
ลักษณะผิวที่เกิดจากการมองเห็น เป็นลักษณะผิวที่เป็นสองมิติทำให้เกิดความรู้สึกสัมผัสถึงลักษณะผิวต่างๆ แยกลักษณะผิวจากการมองเห็นได้เป็น
1.1ลักษณะผิวตกแต่ง เป็นลักษณะผิวที่ใช้ประกอบการตกแต่งให้เข้ากับรูปร่างต่างๆ
1.2 ลักษณะผิวที่เกิดขึ้นโดยตัวเอง ไม่ใช่ผิวที่ใช้ประกอบการตกแต่ง แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างสรรค์ รูปร่างและลักษณะผิวไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะร่องรอยของลักษณะพื้นผิวเป็นรูปร่างในเวลาเดียวกัน
1.3 ลักษณะผิวเกิดจากเครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้ในการสร้างพื้นผิว เช่น ความหยาบ
ละเอียดของเม็ดสีในงานภาพถ่าย ความหยาบ ละเอียดของเม็ดสกรีนในงานพิมพ์ เป็นต้น
การสร้างลักษณะผิวจากการมองเห็นทำได้โดย การวาดเส้น การเขียนสี การพิมพ์ รูปลอก การพ่นสี การย้อมสี ฯลฯ
ลักษณะผิวที่เกิดจากการสัมผัส เป็นลักษณะผิวที่ไม่เพียงแต่มองดูด้วยตาเท่านั้น แต่ยังสามารถสัมผัสได้ด้วยมือ เป็นลักษณะที่เป็น 3 มิติ หรือ 2 มิติก็ได้ แยกย่อยเป็น
2.1 ลักษณะผิวหาได้จากธรรมชาติ เช่น เส้นใย กระดาษ ใบไม้ เชือก ทราย ฯลฯ
2.2 ลักษณะผิวที่ดัดแปลงจากธรรมชาติของลักษณะผิวเดิม เช่น การทำให้กระดาษมีรอยย่น การพับหรือจีบกระดาษ การทำผิวดินให้ขรุขระ โลหะถูกเคาะขึ้นรูป
2.3 ลักษณะผิวที่ถูกนำมาจัดระเบียบใหม่ เช่น การเรียงเม็ดทราย การเรียงเมล็ดพืช เชือก ฯลฯ
การที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะผิวที่เกิดจากการสัมผัสไปเป็นลักษณะผิวที่เกิดจากการมองเห็น ทำได้โดยการถ่ายภาพ หรือใช้กระบวนการทางการพิมพ์
แสงและสีกับลักษณะผิวสัมผัส
การเล่นแสงและสีกับลักษณะผิวสัมผัสเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ลักษณะผิวที่หยาบปกติจะเน้นโดยการให้แสงส่องสว่างมาก งานออกแบบบางชิ้นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบที่เกิดจากแสงเป็นอย่างมากเพราะจะทำให้งานดูดีเมื่ออยู่ในที่ที่มีแสงสว่างหรือจะทำให้ดูดีในที่ที่มีแสงน้อยก็ได้
สีก็เป็นตัวช่วยส่งเสริมให้ลักษณะผิวเกิดความงามได้ส่วนหนึ่ง ลักษณะของสีที่เป็นเนื้อวัสดุธรรมชาติ ถือเป็นความงามอย่างหนึ่งที่ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าการเปลี่ยนแปลงสีผิวของวัสดุนั้น
งานศิลปะหลากหลายล้วนแต่มีพื้นผิวหรือลักษณะผิวที่สัมผัสได้ หรือมองด้วยตาแล้วรู้สึกถึงลักษณะผิวได้ งานหัตถกรรมนั้นลักษณะผิวยิ่งมีความสำคัญมาก เช่นเดียวกัน ในงานเซรามิกซึ่งเป็นทั้งงาน ศิลปะ งานหัตถกรรม และงานอุตสาหกรรม ย่อมมีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับลักษณะผิวเป็นอย่างมาก
งานประติมากรรมเซรามิก นอกจากรูปทรงแล้ว ลักษณะผิวยังสามารถทำได้อย่างสนุกสนาน การขัดผิวให้มันโดยไม่เคลือบหรือทำลักษณะผิวหยาบ ละเอียดแล้วเผารมควันในอุณหภูมิต่ำประมาณ 700-800 องศาเซลเซียส ก็ทำให้ลักษณะผิวสวยงามไปอย่างหนึ่ง
งานประติมากรรมเคลือบและไม่เคลือบก็ทำให้ลักษณะผิวเกิดความแตกต่างกัน บางครั้งเกิดการตัดกันอย่างรุนแรงของสีเคลือบและเนื้อดิน (ซึ่งถ้าทำให้องค์ประกอบไม่ดี อาจไม่งามได้) บางครั้งผู้สร้างงานก็ใช้ความประสานกลมกลืนกันของเคลือบและเนื้อดินปั้นจะโดยสีหรือลักษณะผิวก็ตามจะเกิดความงามที่ลงตัว มีเอกภาพในรูปทรงได้เช่นกัน
งานเซรามิกหัตถกรรม รูปทรงจะถูกกำหนดหรือจำกัดโดยการใช้งานแต่ลักษณะผิวที่เป็นลวดลายล้วนทำให้เกิดจินตภาพจากลวดลายนั้น เช่น เหมือนกับใบไม้จริงๆ ดอกไม้จริงๆ ลักษณะผิวบางอย่างก็เหมือนกับผ้าแพรไหมบางลักษณะผิวก็เหมือนกับธรรมชาติจงใจให้เกิดลวดลายอย่างละเอียดอ่อนยากที่จะทำเลียนแบบได้
ผลงานบางอย่างเกิดการสร้างสรรค์ ลักษณะผิว ควบคู่ไปกับการเคลือบ ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนผิวของผลไม้ที่มีหนามแหลม โดยการใช้โลหะแหลมๆ ทิ่มแทงที่ผิวขณะสร้างงาน
ผลงานพอตเตอรีอาร์ตเคลือบ ที่มีผิวเป็นผลึกเล็กๆ ทำให้ดูเหมือนเกล็ดน้ำตาลก็ทำให้ชิ้นงานเกิดความงามไปอีกแบบหนึ่งเช่นกัน
งานเซรามิกอุตสาหกรรม ลักษณะผิวส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะมันเรียบ หรือด้านเรียบ และมีลวดลายเกิดขึ้น เป็นลักษณะผิวที่แตกต่างๆ จากชิ้นงาน บางครั้งก็จะใช้เคลือบสีทองด้านและมันทำให้เกิดลักษณะผิวที่แตกต่าง ได้เช่นกันทำให้ชิ้นงานดูหรูหรา มีค่าขึ้นมาได้
ในงานอุตสาหกรรมกระเบื้องเคลือบจะมีลักษณะผิวที่ทำเทียมขึ้น เช่น ผิวลายไม้ ลายหินอ่อน หรือผิวหินทราย ซึ่งดูผ่านๆตาอาจนึกว่าผิวนั้นเป็นไม้จริง หินอ่อน หรือหินทรายจริงๆ แต่ในความเป็นจริงเป็นเทคนิคในการทำลวดลายให้ดูแล้วเกิดความรู้สึกเหมือนสิ่งเหล่านั้น ลักษณะหินทรายที่มองเห็น ความจริงเป็นเพียงภาพ แต่ลักษณะผิวจริงของกระเบื้องกลับเรียบมันวาว
สรุปรวมแล้ว ลักษณะผิวที่เห็นทั่วไปในงานเซรามิค มี 2 ลักษณะ คือ
1. ลักษณะผิวที่สัมผัสได้ด้วยประสาทตาและมือเป็นลักษณะผิวจริงมีความเรียบจริง
หยาบจริง ขรุขระจริง จะเกิดในธรรมชาติหรือสร้างด้วย เครื่องมือหรือฝีมือผู้สร้างงานจริงๆ ก็ได้
2. ลักษณะผิวที่ทำเทียมขึ้น เมื่อมองดูจะรู้สึกว่า หยาบหรือละเอียด หรือเป็นลวดลายที่เกิดจากสีใต้เคลือบ ในงานจิตรกรรมเซรามิค งานลายคราม (Blue and white) แต่เมื่อสัมผัสด้วยมือหรือดูใกล้ๆ ด้วยสายตากลับพบว่ามีลักษณะผิวเรียบ ไม่ขรุขระเหมือนกับที่มองดูอย่างผิวเผินและเกิดความรู้สึก
การสร้างงานเซรามิค ควรให้ความสนใจ รูปทรงเป็นอันดับแรก เนื้อดินปั้นและเคลือบ สามารถทำให้เกิดลักษณะผิวที่สอดคล้องกันกับรูปทรงได้โดยการจัดองค์ประกอบของงานให้เกิดความพอดี การใช้เทคนิคการตกแต่งเข้าช่วยก็เป็นแนวทางหนึ่งที่มีผู้นิยมใช้เพื่อให้เกิดความงามอย่างที่พึงประสงค์ ชิ้นงานใหญ่อาจจะมีผิวหยาบได้จะดูไม่น่าเกลียดนัก แต่ถ้าชิ้นงานใหญ่แล้วมีลักษณะผิวที่ละเอียดเกินไปก็ทำให้ชิ้นงานนั้นดูโป่งพอง อ้วน เรียบลื่น หรือไม่มีคุณลักษณะของดินที่แท้จริง
โดย...เวนิช สุวรรณโมลี
>> ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เนต
หน้าที่เข้าชม | 315,847 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 208,186 ครั้ง |
เปิดร้าน | 27 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |