นอกจากแก้วน้ำที่ทำจากแก้วจริงๆแล้ว แก้วเซรามิคก็ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างสูงเช่นกัน เนื่องจากมีให้เลือกหลากหลายรูปทรง หลากสีสัน แต่ละรูปแบบก็มีความสวยงามแตกต่างกัน นอกจากลักษณะภายนอกแล้ว เนื้อแก้วเองก็ยังมีความแตกต่างกัน ซึ่งทำให้มีคุณสมบัติทางกายภาพแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกซื้อแก้วเซรามิค เราควรรู้จักชนิดและลักษณะของเนื้อเซรามิคแต่ละประเภทกันก่อน
เนื้อเซรามิคชนิดเอิร์ธเทินแวร์ (Earthenware)
เครื่องใช้เซรามิคประเภทนี้ มักจะมีน้ำหนักที่เบา เมื่อมองจากภายนอกจะมีสีสันที่สดใสชวนมอง หรือถ้าไม่มีการตกแต่งก็จะเห็นเป็นสีขาวของเนื้อดิน ซึ่งสิ่งที่ทำให้เซรามิคประเภทเอิร์ธเทินแวร์มีสีสันที่สดใสนั้นก็เป็นเพราะ อุณหภูมิที่ใช้ในการเผาดิบนั้นจะใช้อุณหภูมิที่ต่ำจนถึงอุณหภูมิปานกลาง โดยเฉลี่ยประมาณ 700 ถึง 800 องศาเซลเซียส ส่วนเผาเคลือบมักใช้อุณหภูมิ 1,100 ถึง 1,250 องศาเซลเซียส โดยวัสดุที่นำมาใช้ทำเซรามิคแบบเอิร์ธเทินแวร์ก็อย่างเช่น ดินเหนียวขาว (Ball day) ดินขาว (Kaolin) รวมถึงหินต่างๆที่นำมาบดและย่อยให้เป็นชิ้นเล็กๆ เครื่องใช้ที่ใช้เอิร์ธเทินแวร์เป็นเนื้อเซรามิคก็อย่างเช่น จาน ชาม แก้วเซรามิค รวมถึงถ้วยต่างๆ
เนื้อเซรามิคแบบสโตนแวร์ (Stoneware)
งานแก้วเซรามิค จาน ชาม โถ หรืองานเครื่องใช้เซรามิคอื่นๆ เช่น แจกัน ที่ใช้เนื้อแบบสโตนแวร์นั้น มักจะมีความแข็งแกร่ง ไม่ค่อยเน้นด้านสีสันเท่าใดนัก เพราะเนื้อดินของงานแบบสโตนแวร์นั้นมักจะไม่ค่อยสวยนัก ต้องมีการใช้นำยาเคลือบปิดทับไว้ โดยวัตถุดิบที่นำมาใช้ก็มักจะเป็นดินที่อยู่ในท้องถิ่นของแหล่งผลิต และมักจะผสมหินควอตซ์ลงไปในเนื้อดินด้วย การเผานั้นก็จะใช้อุณหภูมิสูงขึ้นมาอีกประมาณ 1,200 ถึง 1,280 องศาเซลเซียส ส่วนน้ำยาเคลือบที่ใช้ก็จะเป็นน้ำยาเคลือบอุณหภูมิสูง
เนื้อเซรามิคแบบพอร์ซเลน (Porcelain)
แก้วเซรามิค หรือผลิตภัณฑ์เซรามิคที่เป็นเนื้อเซรามิคแบบพอร์ซเลน เป็นเซรามิคที่ดีที่สุด เพราะมีเนื้อดินที่แน่น มีความแข็งแกร่งทนทาน มีคุณสมบัติเด่นคือไม่ดูดน้ำ ทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมีต่างๆ เมื่อเคาที่ตัวแก้วเซรามิคก็จะพบว่าเสียงที่เกิดขึ้นมีความกังวาน และที่สำคัญเนื้อแก้วแบบพอร์ซเลนนั้นจะมีน้ำหนักที่เบา โดยอุณหภูมิที่ใช้เผานั้นจะอยู่ระหว่าง 1,260 ถึง 1,400 องศาเซลเซียส งานประเภทนี้มักจะสังเกตได้ง่ายๆ เมื่อนำแก้วส่องแสง แล้วใช้นิ้วแตะที่ตัวแก้ว นิ้วมือจะปรากฏเป็นแสงเงาที่ชัดเจน เนื่องจากความโปร่งแสงของเนื้อดินนั่นเอง
เนื้อเซรามิคแบบโบนไชน่า (Bone China)
เป็นเนื้อเซรามิคที่มีคุณสมบัติบางและเบา แม้ว่าจะบางเบาแต่เนื้อโบนไชน่านั้นมีความแข็งแกร่งเป็นเลิศ ได้รับการนิยามว่าเป็นเนื้อเซรามิคที่ดีที่สุด มีส่วนผสมของขี้เถ้ากระดูกสัตว์ คุณสมบัติทั่วไปนั้นจะมีสีขาว บางครั้งอาจดูเป็นสีงาช้างก็ได้ มีความโปร่งแสง เมื่อเคาะที่ตัวแก้วเซรามิคจะพบว่าเสียงที่เกิดขึ้นมีความกังวาน นอกจากนี้ยังมีความใสอีกด้วย โดยสามารถมองเห็นเงาของวัตถุผ่านเนื้อเซรามิคได้
แก้วเซรามิคเมื่อแบ่งตามชนิดของเนื้อเซรามิคมีหลายประเภท ขึ้นกับกรรมวิธีและวัตถุดินที่นำมาขึ้นรูป ซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้ก็ต้องขึ้นกับวัตถุประสงค์การนำไปใช้อีกด้วย
>>> ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เนต
หน้าที่เข้าชม | 315,847 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 208,186 ครั้ง |
เปิดร้าน | 27 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |